20 เทคนิคเพื่อพัฒนาธุรกิจอีคอมเมิร์ซ (20 Important Things to Consider for An E-commerce) PDF พิมพ์ อีเมล
เขียนโดย สาระดีดี   
วันพฤหัสบดีที่ 23 มีนาคม 2023 เวลา 19:48 น.
--------------------------------------------------------------------------------------------------
----------------------------

 

20 เทคนิคเพื่อพัฒนาธุรกิจอีคอมเมิร์ซ

20 Important Things to Consider for An E-commerce Business

 

รับชมวิดีโอ : Click

 

โมเดลธุรกิจอีคอมเมิร์ซในปัจจุบันมุ่งเน้นไปที่การให้บริการที่สะดวกและรวดเร็ว โดยมีการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น การใช้งาน AI และ Big Data เพื่อวิเคราะห์และปรับปรุงการขาย มีการใช้ Social Media และ Digital Marketing เพื่อเพิ่มยอดขาย มีระบบชำระเงินและการจัดส่งที่มีประสิทธิภาพ และมุ่งเน้นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้า ทั้งนี้สามารถแบ่งเป็นข้อๆ ได้ดั้งนี้


1. เลือกแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่เหมาะสมกับธุรกิจ
การเลือกแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจของคุณเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งในการเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์ การเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมสามารถช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จและเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ  โดยคำนึงถึงความต้องการของธุรกิจ เช่น การขายสินค้าออนไลน์ การจัดการสินค้า การจัดการการชำระเงิน การสนับสนุนลูกค้า รวมถึงความรวดเร็วและความปลอดภัยในการใช้งาน และค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมกับงบประมาณของธุรกิจของอีคอมเมิร์ซ


2. สร้างเว็บไซต์ที่น่าสนใจและง่ายสำหรับผู้ใช้งาน
สร้างเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่น่าสนใจและใช้งานง่ายด้วยการออกแบบที่สวยงามและใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เพิ่มประสิทธิภาพในการจับจ่ายโดยมีระบบค้นหาสินค้าที่สะดวกและรวดเร็ว มีระบบชำระเงินที่ปลอดภัยและง่ายต่อการใช้งาน และมีบริการจัดส่งสินค้าที่รวดเร็วและมีคุณภาพ โดยให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของผู้ใช้งานและการทำให้ลูกค้าพึงพอใจกับการซื้อขายในภายเว็บไซต์


3. นำเสนอสินค้าหลากหลายที่มีความเหมาะสมกับตลาดเป้าหมาย
เสนอสินค้าในหลากหลายหมวดหมู่ที่เหมาะสมกับตลาดเป้าหมายของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพและการเลือกสรรวัตถุดิบที่ดีที่สุด เพื่อให้ลูกค้ามีตัวเลือกในการเลือกซื้อและมีความพึงพอใจในการซื้อสินค้า นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงการปรับตัวเว็บไซต์ให้เหมาะสมกับผู้ใช้งานและตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย


4. เว็บไซต์เหมาะสมกับการใช้งานบนมือถือ
เว็บไซต์ธุรกิจอีคอมเมิร์ซควรมีการตอบสนองกับมือถือเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงและใช้งานได้อย่างสะดวกสบายโดยไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ นั่นคือควรออกแบบเว็บไซต์ให้พัฒนาเป็นรูปแบบของ Responsive Design ที่สามารถปรับขนาดและเรียงลำดับเนื้อหาได้ตามขนาดของหน้าจอเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงและใช้งานได้ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น ดังนั้นควรเน้นการออกแบบเว็บไซต์ให้เป็นมิตรกับผู้ใช้งานมือถือด้วยการใช้ภาพพื้นหลังที่เบา การเลือกสีที่สดใสและเข้มข้นพอประมาณ การใช้ไอคอนที่ชัดเจนและใหญ่พอที่จะเห็นได้ชัดเจน และการจัดเรียงเนื้อหาให้เหมาะสมกับขนาดหน้าจอและสามารถปรับเลื่อนได้สะดวก


5. ใช้เทคนิคการทำ SEO ที่มีประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์
เทคนิค SEO ที่มีประสิทธิภาพในการดึงการเข้าชมเว็บไซต์ธุรกิจอีคอมเมิร์ซของคุณคือการใช้คำสำคัญที่เหมาะสมในการค้นหา การสร้างเนื้อหาที่เกี่ยวข้องและมีคุณภาพสูง การสร้างลิงค์จากเว็บไซต์อื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์เมื่อใช้งานส่วนเครื่องมือค้นหา การใช้ชื่อเว็บไซต์และ URL ที่เข้าใจง่าย การเพิ่มรายละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของคุณและการจัดเรียงสินค้าให้สะดวกต่อการเข้าถึง และการเพิ่มประสิทธิภาพในการโหลดเว็บไซต์ของคุณเพื่อให้ผู้ใช้งานทำการเข้าชมได้อย่างรวดเร็วและสะดวกสบายมากขึ้น


6. ใช้การตลาดผ่านสื่อสังคมออนไลน์เพื่อเข้าถึงลูกค้าที่มีศักยภาพ
การใช้การตลาดผ่านสื่อสังคมออนไลน์เป็นวิธีการเข้าถึงลูกค้าตลาดออนไลน์ใหม่ ๆ และสร้างความสนใจในผลิตภัณฑ์ของคุณ โดยการสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจและนำเสนอผลิตภัณฑ์ของคุณในแพลตฟอร์มสื่อสังคมต่าง ๆ เช่น Facebook, Instagram, Twitter, Tiktok และ LinkedIn นอกจากนี้ยังสามารถใช้การโฆษณาทางสื่อสังคมเพื่อเพิ่มการแสดงผลของโพสต์และเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจอีคอมเมิร์ซของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ


7. ใช้การตลาดทางอีเมลเพื่อให้ลูกค้าได้รับข้อมูลและมีส่วนร่วมกับธุรกิจของคุณ
การใช้อีเมล์เพื่อส่งข่าวสารและเชิญชวนลูกค้าของธุรกิจอีคอมเมิร์ซให้เข้าร่วมกิจกรรมหรือส่วนลดเป็นวิธีการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ สร้างความสนใจและเป็นกลางในการเชื่อมต่อลูกค้าของคุณ แนะนำสินค้าใหม่ ๆ และส่งข้อเสนอพิเศษเพื่อเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจของคุณ


8. เสนอราคาแข่งขันและส่วนลดเพื่อดึงดูดลูกค้า
การเสนอราคาและส่วนลดที่แข่งขันได้เป็นวิธีการดึงดูดลูกค้าสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เพื่อเพิ่มโอกาสในการขาย โดยสามารถใช้การวิเคราะห์ตลาดเพื่อหาวิธีในการเสนอราคาและส่วนลดที่มีประสิทธิภาพในการดึงดูดความสนใจของลูกค้าและเพิ่มยอดขาย


9. แสดงรายละเอียดสินค้าและรูปภาพสินค้าคุณภาพสูง
การให้คำอธิบายสินค้าที่ละเอียดและรูปภาพสินค้าที่มีคุณภาพสูงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับโมเดลธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เพราะจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้าและสร้างความเข้าใจในสินค้าได้ดียิ่งขึ้น ทำให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจซื้อสินค้าได้อย่างถูกต้องและสามารถลดการส่งคืนสินค้าได้เป็นจำนวนมาก


10. มีวิธีการชำระเงินที่ปลอดภัยและรักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูลลูกค้า
การเสนอวิธีการชำระเงินที่มีความปลอดภัยและการรักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูลลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เพราะจะช่วยสร้างความเชื่อถือให้กับลูกค้าและป้องกันการโจรกรรมการเงินหรือข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า ทำให้ลูกค้ามีความมั่นใจในการซื้อสินค้าและบริการของร้านค้าออนไลน์นั้น ๆ


11. ให้บริการลูกค้าอย่างยอดเยี่ยม
การให้บริการลูกค้าที่ดีเป็นสิ่งสำคัญสำหรับโมเดลธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เพราะจะช่วยสร้างความพึงพอใจและสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า ทำให้ลูกค้ามีความสุขในการซื้อสินค้าและบริการของร้านค้า อีกทั้งยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของร้านค้าและเพิ่มโอกาสในการกลับมาซื้อสินค้าอีกครั้งในอนาคต


12. วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อติดตามประสิทธิภาพของเว็บไซต์และพฤติกรรมของลูกค้า
การใช้เทคนิควิเคราะห์ข้อมูลเพื่อติดตามประสิทธิภาพของเว็บไซต์และพฤติกรรมของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เพราะจะช่วยให้เราเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้า และช่วยปรับปรุงร้านค้าให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้เราวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อวางแผนการตลาดและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ


13. ใช้ระบบการจัดการสินค้าคงคลังที่มีประสิทธิภาพ
ระบบจัดการสินค้าคลังที่แข็งแกร่งสำหรับอีคอมเมิร์ซ เป็นการจัดการสต็อกสินค้าที่มีประสิทธิภาพโดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น การใช้บาร์โค้ดและรหัส QR เพื่อติดตามสินค้า รวมถึงระบบการสั่งซื้อและการจัดส่งที่มีประสิทธิภาพ โดยมีการตรวจสอบการเพิ่ม-ลดสินค้าในคลังอย่างสม่ำเสมอ และสามารถรายงานสถานะของสินค้าและการขายได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพด้วยการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย อีกทั้งยังมีการป้องกันการสูญหายและการโกงโดยการตรวจสอบสิทธิ์การเข้าถึงและการใช้งานของผู้ใช้งานที่มีความปลอดภัยและเป็นส่วนตัว ทั้งนี้เพื่อให้การบริหารจัดการสต็อกสินค้าของธุรกิจ e-commerce เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว


14. เลือกวิธีจัดการและจัดส่งสินค้าที่มีประสิทธิภาพ
การใช้วิธีการจัดการและจัดส่งสินค้าที่มีประสิทธิภาพสำหรับธุรกิจ e-commerce เป็นการเลือกใช้บริการขนส่งที่มีคุณภาพดีและมีระบบติดตามพัสดุให้ลูกค้า รวมถึงการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น ระบบติดตามพัสดุออนไลน์ และการส่งของไปถึงลูกค้าในเวลาที่กำหนดไว้ โดยการใช้ระบบส่งสินค้าไปยังที่อยู่ของลูกค้าแบบเร็วและถูกต้อง และการให้บริการลูกค้าที่มีคุณภาพ เช่น การตอบกลับและแก้ไขปัญหาของลูกค้าอย่างรวดเร็ว จะช่วยเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจ e-commerce ในตลาดออนไลน์


15. มีนโยบายการคืนสินค้าและคืนเงินที่สะดวกชัดเจน
การมีนโยบายการคืนสินค้าและการคืนเงินที่ง่ายสำหรับธุรกิจ e-commerce เป็นการให้ความสะดวกแก่ลูกค้าในการทำธุรกรรม โดยมีการกำหนดเงื่อนไขในการคืนสินค้าและการคืนเงินที่ชัดเจนและสะดวก รวมถึงการให้บริการลูกค้าที่มีคุณภาพ เช่น การตอบกลับและแก้ไขปัญหาของลูกค้าอย่างรวดเร็ว และการส่งสินค้าใหม่หรือคืนเงินให้ลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้การมีนโยบายการคืนสินค้าและการคืนเงินที่ง่ายยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นของลูกค้าในการทำธุรกรรมกับธุรกิจ e-commerce และเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจในตลาดออนไลน์


16. ใช้รีวิวและการจัดอันดับของลูกค้าเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและยอดขาย
การใช้รีวิวและคะแนนจากลูกค้าเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและยอดขายสำหรับธุรกิจ e-commerce เป็นการให้โอกาสให้กับลูกค้าที่ใช้สินค้าหรือบริการของธุรกิจแสดงความคิดเห็นและแนะนำสินค้าหรือบริการให้กับผู้ใช้งานอื่นๆ ซึ่งจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและเป็นเครื่องมือสำคัญในการตัดสินใจของลูกค้าในการซื้อสินค้า นอกจากนี้การใช้รีวิวและคะแนนจากลูกค้ายังช่วยเพิ่มการเข้าถึงและยอดขายของธุรกิจ e-commerce โดยมีการแสดงผลรีวิวและคะแนนบนหน้าเว็บไซต์ และในแพลตฟอร์มสังคมออนไลน์ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความน่าสนใจและน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจในตลาดออนไลน์


17. ใช้เทคนิค upselling และ cross-selling เพื่อเพิ่มยอดขาย
การใช้เทคนิค upselling และ cross-selling เพื่อเพิ่มยอดขายสำหรับธุรกิจ e-commerce เป็นการใช้กลยุทธ์การขายโดยเสนอสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้องหรือมีความสัมพันธ์กับสินค้าหรือบริการที่ลูกค้ากำลังซื้อ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจในแต่ละธุรกรรม และเพิ่มยอดขายต่อลูกค้า เช่น การเสนอสินค้าเสริมเพิ่มเติมหรือบริการคล้ายๆ กัน ในขณะที่ลูกค้ากำลังเลือกซื้อสินค้าหรือบริการที่เรามีอยู่ การใช้เทคนิค upselling และ cross-selling นี้มีประโยชน์ในการเพิ่มยอดขายและเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจในทุกธุรกรรม


18. ให้คำแนะนำเฉพาะตัวตามพฤติกรรมของลูกค้า
การให้คำแนะนำสินค้าแบบเจาะจงบุคคลสำหรับธุรกิจ e-commerce โดยใช้ข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้า เป็นการให้บริการที่ช่วยปรับให้กับความต้องการและความสนใจของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ เช่น การแนะนำสินค้าที่เกี่ยวข้องกับประวัติการเข้าชมหรือการซื้อสินค้าของลูกค้า การใช้เทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ในการจัดการข้อมูลการซื้อของลูกค้า ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างประสบการณ์การซื้อที่น่าสนใจและเพิ่มประสิทธิภาพในการขายได้ นอกจากนี้ การให้คำแนะนำสินค้าแบบบุคคลยังช่วยเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับธุรกิจในระยะยาว


19. สร้างโปรโมชั่นและข้อเสนอพิเศษเพื่อรักษาลูกค้า
การสร้างโปรโมชั่นและข้อเสนอพิเศษที่ถูกใจลูกค้าเป็นวิธีที่ดีในการสร้างความพึงพอใจและรักษาลูกค้าสำหรับธุรกิจ e-commerce โดยเป็นการเสนอส่วนลดราคาสินค้าหรือบริการและข้อเสนอพิเศษอื่นๆ ที่จะช่วยลดต้นทุนสำหรับลูกค้าในการซื้อสินค้า นอกจากนี้ยังสามารถใช้โค้ดส่วนลด โปรโมชั่นแรงๆ และโปรโมชั่นช่วงเทศกาล เป็นต้น เพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่และรักษาลูกค้าเก่าให้กลับมาซื้อสินค้าอีกครั้ง การให้โปรโมชั่นและข้อเสนอพิเศษให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าและโอกาสที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มยอดขายและรักษาความเชื่อมั่นในธุรกิจ e-commerce ของคุณ


20. ปรับปรุงและพัฒนาระบบอีคอมเมิร์ซอย่างต่อเนื่องเพื่อเอาชนะคู่แข่ง

การตั้งต่าและปรับปรุงระบบ e-commerce อย่างต่อเนื่องเป็นการสร้างความสำเร็จในการแข่งขันในตลาด e-commerce โดยการตรวจสอบและปรับปรุงกระบวนการการขายออนไลน์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดความล่าช้าของการดำเนินงาน สิ่งที่สำคัญคือการเรียนรู้จากประสบการณ์ของลูกค้า และการตรวจสอบการดำเนินงานในทุกขั้นตอน เช่น การเลือกสินค้า การจัดส่ง และการบริการลูกค้า เพื่อปรับปรุงและพัฒนาทุกด้านของธุรกิจ e-commerce การวิเคราะห์และวางแผนเพื่อการปรับปรุงแบบจำลอง e-commerce ของคุณจะช่วยให้ธุรกิจของคุณเป็นผู้นำในการแข่งขันในตลาดออนไลน์ และประสบความสำเร็จในระยะยาว


กรณีโมเดลธุรกิจอีคอมเมิร์ซในปี 2023 คาดว่าจะเน้นการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำธุรกิจ มีการใช้งาน AI และข้อมูลงานวิจัยเพื่อวิเคราะห์และปรับปรุงประสิทธิภาพการขาย การใช้ระบบชำระเงินและการจัดส่งที่เร็วและสะดวกสบาย และการใช้โซเชียลมีเดียในการตลาดและสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า

 

เรียบเรียง : สาระดีดี.คอม http://www.sara-dd.com

 

......................................................

 

แก้ไขล่าสุด ใน วันเสาร์ที่ 22 เมษายน 2023 เวลา 17:25 น.
 
ทุนการศึกษา United World Colleges (UWC)

ทุนการศึกษา United World Colleges (UWC)

องค์การสหสากลวิทยาลัย United World Colleges (UWC) ประสงค์จะมอบทุนการศึกษาแก่นักเรียนไทยเพื่อเข้าศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายตามหลักสูตร International Baccalaureate เป็นเวลา 2 ปี ณ วิทยาลัยในเครือขององค์การฯ จำนวน 10 ทุน

 

ประเทศที่ให้ทุน

  • สาธารณรัฐประชาชนจีน
  • อิตาลี
  • อาร์มีเนีย
  • สาธารณรัฐคอสตาริกา
  • เขตบรหิารพเิศษฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน
  • นอร์เวย์
  • สิงคโปร์
  • สหราชอาณาจักร

การรับสมัคร

  • รับสมัครตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2558 ถึง 20 มกราคม 2559

 

>>>>>>>>>>  อ่านข้อมูลเพิ่่มเติม

 
เทคนิคเบื้องต้นเพื่อเพิ่มคะแนน TOEFL
เทคนิคเบื้องต้นเพื่อเพิ่มคะแนน TOEFL

เรียบเรียงโดย : สาระดีดี.คอม

 

          การทำคะแนนสอบ TOEFL ให้อยู่ในระดับสูงสามารถทำได้โดยผู้เตรียมสอบต้องเริ่มเตรียมพร้อมโดยการวางแผนการเตรียมสอบที่มีประสิทธิภาพ  ซึ่งจะช่วยให้ผู้สอบทำคะแนนได้ดีตั้งแต่ครั้งแรกที่สอบ  มีเคล็ดลับ 4 ข้อสำหรับเพิ่มคะแนนสอบ TOEFL ซึ่งน่าจะเป็นผลดีต่อผู้เตรียมสอบ  ดังนี้

           1.  เลือกเครื่องมือเตรียมสอบที่ดีและเหมาะสม

          หากผู้เตรียมตัวสอบไม่คุ้นเคยกับการสอบ TOEFL  มาก่อน   สิ่งสำคัญสำหรับผู้เริ่มต้นคือการสร้างความคุ้นเคยกับแบบทดสอบ ตัวข้อสอบและโครงสร้างข้อสอบ   วิธีที่ดีที่สุดและเป็นวิธีง่ายๆ คือการทำแบบฝึกหัด    โดยในขั้นต้นผู้เตรียมตัวอสบควรตั้งใจอย่างเต็มที่ในการคัดหาหนังสือดีๆ สักเล่ม หรือเครื่องมือแนะนำการสอบ TOEFL ที่เหมาะสม   โดยสามารถเลือกเป็นหนังสือแนะนำ  ซีดี  เทป หรือไฟล์เสียง    บางครั้งผู้เตรียมตัวสอบอาจลังเลใจจากการโฆษณาต่างๆ หรือหน้าปกที่สวยงามของคู่มือ   ดังนั้นจึงควรหาข้อมูลหนังสือที่มีชื่อเสียงและเล่มที่มีผู้แนะนำให้ผู้ที่เตรียมตัวสอบอ่านมาแล้วหลายๆ รุ่นของการสอบ    ต่อมาให้ใช้เวลาทบทวนเกี่ยวกับกระบวนการที่จะช่วยให้ผู้เตรียมสอบจดจำข้อมูลต่างๆ ได้ดีขึ้น   ตัวอย่าง หากคุณรู้สึกไม่มีสมาธิในการอ่านหนังสือขณะอยู่บนรถโดยสารหรือรถไฟฟ้า  ให้คุณลองเปลี่ยนไปใช้เทป ซีดี หรือไฟล์เสียงที่สามารถฟังในขณะกำลังเดินทางเพื่อให้สามารถจดจำเทคนิคการทำข้อสอบได้ดียิ่งขึ้น

          2.  การตัดสินใจสมัครเรียนเพื่อเตรียมสอบ

          การสมัครเรียนเพื่อเตรียมสอบ TOEFL เป็นการเตรียมตัวสอบที่จะได้ผลดีกว่าอ่านหนังสือคู่มือ การอ่านเทคนิคต่างๆ  การทำแบบฝึกหัด และเรียนรู้จากเครื่องมือต่างๆ ด้วยตนเอง   สิ่งที่ผู้เรียนจะได้รับจากการลงเรียนในหลักสูตรเตรียมตัวสอบ TOEFL   คือ ประสิทธิภาพของการเรียนการสอน ความรู้ และโอกาสที่จะได้คะแนนสอบที่สูงขึ้น   เนื่องจากผู้เรียนจะมีโอกาสได้สอบถามข้อสงสัยหรือตั้งคำถามในเรื่องที่เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้นกับผู้สอน    อย่างไรก็ตามก่อนที่จะลงมือสมัครเรียนกับสถาบันกวดวิชา  ให้ผู้เรียนตรวจสอบให้มั่นใจว่าผู้สอนมีความรอบรู้เกี่ยวกับการสอบ TOEFL เป็นอย่างดี  และผู้สอนสามารถอธิบายและสอนสิ่งที่ยากๆ ให้คุณสามารถเข้าใจได้ง่ายขึ้น    คุณอาจขอสถาบันที่สนใจเข้าชมการเรียนการสอนก่อนที่จะตัดสินใจสมัครเรียนจริง

          3.  เรียนรู้เทคนิคเพื่อลดเวลาการทำข้อสอบ

          ในการสอบ TOEFL ผู้สอบจะได้พบกับคำถามที่มีตัวเลือกคล้ายกันบ่อยๆ อาทิ

          A) to destroy
          B) destroying
          C) destroyed
          D) was destroyed

          เมื่อผู้สอบพบกับคำถามลักษณะนี้  ให้จำไว้ว่า 90% ของคำถามจากตัวเลือกข้างต้นคำตอบน่าจะเป็นข้อ B หรือ ข้อ C    ทั้งนี้โดยทั่วไปข้อสอบ TOEFL จะมีลักษณะของแบบทดสอบวัดactive voice (-ing form) และ passive voice (-ed form)  เมื่อคุณพบคำตอบที่มีทั้ง -ed และ -ing อยู่ในคำถามข้อเดียวกันในตัวเลือก   คำถามข้อนั้นมีความเป็นไปได้สูงว่าตัวเลือกจะอยู่ 1 ในสองตัวเลือกดังกล่าว  ซึ่งนี่เป็นเพียงหนึ่งในหลายเทคนิคที่คุณจะได้เรียนรู้เมื่อได้ลงเรียนหลักสูตรเตรียมสอบ TOEFL หรือจากการทำแบบทดสอบอย่างเข้มข้น

          4.  ถามตัวเองว่าการเรียบเรียงประโยคสอดคล้องดีไหม

          ผู้เตรียมตัวสอบ TOEFL  ส่วนใหญ่มีความสามารถในการคิดประโยคคำพูดเป็นภาษาอังกฤษได้ค่อนข้างถูกต้องยกเว้นตอนต้องออกเสียง   ในทางเดียวกัน  นั่นหมายความว่าเราจะสามารถสนทนาในใจได้ดีหากเราสามารถออกเสียงได้ถูกต้อง   และความคิดภายในใจจะสะท้อนออกมาเป็นเสียงจริงได้หากไม่ยึดติดหลักของไวยกรณ์ (grammar rules)   หรืออีกนัยหนึ่งคือเราสามารถพูดประโยคภาษาอังกฤษได้ถูกต้องได้ง่ายๆ ด้วยการคิดและพูดออกมาดังๆ   ดังนั้นการฝึกอ่านอ่านออกเสียงจึงเป็นการฝึกฝนให้ผู้เตรียมสอบได้คุ้นเคยกับรูปประโยคได้ค่อนข้างดีวิธีหนึ่ง

          ความจริงในเรื่องนี้จะทำให้คุณสามารถจัดการกับความสับสนเมื่อเจอกับข้อสอบ TOEFL    ในการทำข้อสอบที่ต้องพิจารณาใช้คำในตัวเลือกเข้าแทนที่คำภายในประโยคให้ลองอ่านดูว่าเมื่อเติมคำลงไปแล้วประโยคเหมาะสมดีหรือไม่   หากลองอ่านออกเสียงแล้วเสียงที่อ่านทั้งประโยคไม่ติดขัด ก็มีความเป็นไปได้ว่าคำตอบดังกล่าวเป็นตัวเลือกและคำตอบที่ถูกต้อง   

          เทคนิคง่ายๆ เหล่านี้ สามารถช่วยให้คุณเพิ่มคะแนน TOEFL ได้ไม่มากกน้อย   ขอให้จำไว้ว่าการหมั่นฝึกฝน  ทบทวน และทำแบบทดสอบสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณสามารถเพิ่มคะแนนสอบให้สูงขึ้นได้

 

จำนวนผู้เยี่ยมชม

mod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_counter
mod_vvisit_counterวันนี้386
mod_vvisit_counterเมื่อวานนี้706
mod_vvisit_counterเดือนนี้18456
mod_vvisit_counterผู้เข้าชมเว็บไซต์ทั้งหมด6905080

Who's Online

เรามี 21 บุคคลทั่วไป ออนไลน์

ความคิดเห็น

ท่านใช้งานส่วนใดของสาระดีดี.คอม มากที่สุด